Thursday, August 6, 2009

10 อันดับสุดยอดสวนสนุกของโลก

จะแนะนำให้เพื่อนๆได้รู้จักกับ 10 สุดยอดสวนสนุกของโลก ที่เด็กเที่ยวได้และผู้ใหญ่อย่างเร ๆก็เที่ยวดี สักวันจะไปเที่ยวให้ครบทั้ง 10 ที่ให้ได้เลย ถ้าสังขารเอื้ออำนวย..ฮ่าๆ

อ่านเรื่องนี้แล้วก็ไม่ต้องอิจฉาประเทศอื่นเค้าหรอกนะครับ เพราะถึงแม้ว่าสวนสนุกของบ้านเรา เมืองเราจะไม่มีติดอันดับอยู่เลย ก็ไม่เป็นไรครับ ดรีมเวิลด์ หรือสวนสยามก็เราก็ยังน่าเที่ยวอยู่นะ พาเด็กๆในบ้านไปเที่ยวสวนสนุกกันนะครับ ส่วนผู้ใหญ่ที่คิดจะไปเที่ยวสวนสนุกแล้วตีตั๋วเล่นเครื่องเล่นที่ให้ความตื่นเต้น หวาดเสียวกันแล้วล่ะก็ อย่าลืมกุมหัวใจของคุณไว้ให้ดีล่ะ



10. ซีเวิลด์ (SeaWorld)



สวนสนุกซีเวิลด์เกิดจากแนวคิดของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย 4 คน ที่ต้องการสร้างร้านอาหารที่มีบรรยากาศแบบทะเลๆ แต่แทนที่ลูกค้าจะได้ทานปลาเป็นอาหาร พวกเขากลับพลิกแพลงให้ลูกค้าได้ชมปลาว่ายวนไปมารอบๆ ตัวแทนสวนสนุกซีเวิลด์แห่งแรกเกิดขึ้นที่ซานดิเอโกในปี 2507 จากนั้นก็มีเพิ่มขึ้น จนกระทั่งมีจำนวนถึง 3 แห่งในปัจจุบัน นอกจากที่ซานดิเอโกแล้วก็ยังมีอีกที่เมืองออร์แลนโดรัฐฟลอริดาและเมืองซาน อันโทนิโอ รายการเด็ดของที่นี่คือ การแสดงสดของสัตว์น้ำแสนรู้ แน่นอนว่านักท่องเที่ยวมาที่นี่ก็ต้องเตรียมใจมาเปียก ทุกแห่งจะมีโปรแกรมสำหรับการทัศนศึกษาซึ่งเป็นการท่องเที่ยวแบบได้ความรู้ไปด้วยในตัว เด็กๆสามารถเลือกโปรแกรมทั้งแบบมาเช้าเย็นกลับ และแบบค้างคืน ที่สวนสนุกซีเวิลด์ในออร์แลนโดยังมีโปรแกรมว่ายน้ำลึกกับปลาฉลาม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ใส่ชุดประดาน้ำแล้วเข้าไปอยู่ในกรงเหล็ก ก่อนที่กรงจะถูกหย่อนลงสู่สระใหญ่ที่มีปลาฉลามเขี้ยวยาวว่ายวนอยู่รอบๆ



9. สวนสนุกพาราเมาท์



พาราเมาท์ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เวียคอมฯ คือคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ เพราะจุดเด่นของที่นี่คือเครื่องเล่นหลากหลายชนิดที่มีแนวคิดมาจากภาพยนตร์ สวนสนุกของพาราเมาท์มี 5 แห่งในอเมริกาเหนือ แต่ละแห่งมีคอนเซ็ปต์เกี่ยวพันกับบริษัทในเครือเวียคอมที่ทำธุรกิจด้านบันเทิง เช่น บริษัทผู้ผลิตรายการการ์ตูนนิกเคิลโลเดี้ยนสวนสนุก "เกรท อเมริกา" (Great America) ของพาราเมาท์ที่ตั้งอยู่นอกเมืองซานฟรานซิสโก มีบริเวณที่เรียกว่า นิกเคิลโลเดี้ยน เซ็นทรัล มีเครื่องเล่นหลายอย่างที่เกี่ยวพันกับรายการการ์ตูน เร็วๆ นี้มีเครื่องเล่นอีก 10 อย่างเพิ่มเข้ามา และที่สวนสนุกคิงส์ ไอส์แลนด์ของพาราเมาท์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ซินซินเนติ ก็มีเครื่องเล่นแนวรถไฟเหาะในความมืดที่เรียกว่า "สคูบี้-ดู" และที่สวนสนุกคิงส์ โดมิเนียน ในรัฐเวอร์จิเนีย ก็มีเครื่องเล่นเป็นหอสูงที่ปล่อยนักท่องเที่ยวดิ่งลงมาจากความสูง 305 เมตร



8. เลโกแลนด์ (Legoland)



ตั้งอยู่ในเมืองคาร์ลส์บาด รัฐแคลิฟอร์เนีย สวนสนุกแห่งนี้มีทั้งส่วนที่จัดแสดงงานประติมากรรมที่ทำจากตัวต่อเลโก้นับล้านๆชิ้น และส่วนที่เป็นเครื่องเล่นต่างๆ หัวใจหรือไฮไลต์ของสถานที่แห่งนี้ คือ "มินิแลนด์" ซึ่งใช้ตัวต่อเลโกมากกว่า 20 ล้านชิ้น สร้างอาคารจำลองซึ่งเป็นที่สำคัญๆในสหรัฐอเมริกา เช่น ทำเนียบขาว และเมืองนิวยอร์กจำลองและทั่วทั้งสวนสนุกแห่งนี้มีการใช้ตัวต่อเลโกมากกว่า 30 ล้านชิ้น ถ้าไม่อยากเดินชมเฉยๆ จะไปแวะหาความสนุกตื่นเต้นกับเครื่องเล่นต่างๆก็ได้ ที่นี่มีเครื่องเล่นมากกว่า 50 ชนิด และยังมีโรงเรียนฝึกขับรถ 1 แห่งอยู่ในนั้นด้วย นอกจากนี้เด็กๆ ยังสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนในคอร์สที่เรียกว่า "ไมนด์สตรอม" (Mindstorms) เพื่อฝึกหัดสร้างหุ่นยนต์ คอร์สนี้ทางสวนสนุกจัดร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาซูเส็ตส์ หรือเอ็มไอที สถานที่แห่งนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2542 นอกจากที่สหรัฐแล้ว สวนสนุกเลโกแลนด์ยังมีในอีก 3 ประเทศ คือ อังกฤษ เดนมาร์ก และเยอรมนี



7. เลค คอมเพาซ์ (Lake Compounce)



อยู่ในเมืองบริสตอล รัฐคอนเนกติกัต เป็นสวนสนุกอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก และเป็นแห่งหนึ่งที่สวยที่สุดในโลกเช่นกัน เพราะที่แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบและภูเขา เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2389 หรือ 150 กว่าปีมาแล้ว แต่ตอนนั้นเปิดบริการในฐานะสวนสาธารณะให้ผู้คนเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ ต่อมาในปี 2540 จึงมีนายทุนรายใหม่คือบริษัทสวนสนุกเคนนีวูดฯ เข้ามาซื้อกิจการทำเป็นสวนสนุกเต็มรูปแบบผู้ที่ชื่นชอบของเก่า ของโบราณก็ไม่ควรพลาดรถไฟเหาะและชิงช้าสวรค์รุ่นเจ้าคุณปู่ (ปี 2454) รวมทั้งเรือจักรไอน้ำที่จะพานักท่องเที่ยวล่องชมวิวทะเลสาบ นอกจากนี้เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศ สวนสนุกของครอบครัว จึงมีบริการเสิร์ฟน้ำอัดลมฟรีตลอดทั้งวัน (ของหวานขึ้นชื่อของที่นี่เป็นขนมทอดชื่อว่า "โอรีโอ") เครื่องเล่นใหม่ล่าสุดของ เลค คอมเพาซ์มีชื่อว่า คลิปเปอร์ โคฟ (Clipper Cove) ตั้งอยู่ในบริเวณสวนน้ำ มีทั้งเชือก ทั้งตาข่ายและกระดานหกให้ปีนป่ายและกระโดดกันสุดเหวี่ยง นอกจากนี้ยังมีการแสดงของการ์ตูนการ์ฟิลด์และเพื่อนพ้อง รวมทั้งละครหุ่นโชว์ด้วย ที่นี่มีเครื่องเล่นทั้งหมด 40 อย่าง ค่าผ่านเข้าประตูสำหรับผู้ใหญ่ 29.95 ดอลลาร์ และเด็ก 20.95 ดอลลาร์



6. สวนสนุกเคนนี่วูด (Kennywood)



ผู้ที่ชื่นชอบสวนสนุกแบบดั้งเดิม ที่มีขนาดพื้นที่เล็กๆ ไม่ต้องเดินกันให้เมื่อยมากนัก ก็มักจะติดอกติดใจสวนสนุกเคนนี่วูด ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2441 แต่เดิมสวนสนุกแห่งนี้เป็นของบริษัทการรถไฟเอกชนที่มีนายแอนดรู เมลลอน เป็นเจ้าของ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ชิงช้าสวรรค์และภัตตาคารแห่งหนึ่งจากยุคนั้นก็ยังคงตกทอดมาให้คนรุ่นนี้ได้เล่นและใช้บริการกัน ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สำคัญแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาแห่งหนึ่งด้วยเพราะที่นี่มีมรดกทางวัฒนธรรมของอเมริกันมากมาย เช่น รถไฟเหาะรุ่นแรกๆ ที่ทำด้วยไม้ ล่องแก่งยุคแรกๆ ที่ทั้งเรือพายและเรือท่อนซุงทำจากไม้จริงๆ แต่ก็ใช่ว่าที่นี่จะมีแต่ของเก่าๆ เพราะรถไฟเหาะและเครื่องเล่นยุคใหม่ที่ชวนตื่นเต้นหวาดเสียวก็มีให้เล่นกัน รวมทั้งสวนสนุกสไตล์ฮาวายที่เรียกว่า หุบเขาแห่งภูเขาไฟ หรือ Volcano Valley ที่มีเครื่องเล่นที่เรียกว่า Big Kahuna เป็นเรือที่แล่นแบบควงสว่าน กระตุ้นต่อมอะดรีนาลินได้เป็นอย่างดีที่นี่มีเครื่องเล่นสำหรับผู้ใหญ่ 34 ชนิด สำหรับเด็ก 14 ชนิด ช่วงฤดูร้อนมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 1 ล้านคน ค่าผ่านประตู 8 ดอลลาร์ แต่สำหรับผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ลดราคาลงเหลือ 7 ดอลลาร์ และค่าตั๋วเครื่องเล่นแบบ 1 วันเล่นได้ทุกอย่างก็เพียง 28.95 ดอลลาร์



5. สวนสนุกดิสนีย์ (Disney)



คำว่า "ดิสนีย์" กับคำว่า "สวนสนุก" นั้นแทบจะกลืนกลายเป็นคำเดียวกันไปแล้ว เพราะสวนสนุกดิสนีย์นั้น นับเป็นผู้บุกเบิกและดำเนินนโยบายการตลาดที่ทำให้คนทั่วโลกได้ตระหนักรับรู้ถึงนิยามแห่งคำว่าสวนสนุก ปัจจุบันดิสนีย์มีสวนสนุก 5 แห่ง คือ สวนสนุกดิสนีย์ที่เมืองอันนาไฮม์ที่เมืองอันนาไฮม์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (เปิดในปี 2498) สวนสนุกวอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ ที่เมืองออร์แลนโดในรัฐฟลอริดา (เปิดในปี 2514) ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสแห่งที่ 5 เปิดที่ฮ่องกงในช่วงปลายปี 2548 สวนสนุกแต่ละแห่งของดิสนีย์มีเครื่องเล่นจำนวนมากมาย มีการแสดงและขบวนพาเหรดหลายรอบ ทั้งยังมีโรงแรม ร้านค้าและภัตตาคาร ร้านอาหารจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละแห่งมีจำนวนเครื่องเล่นใหม่ๆเพิ่มเข้ามาอยู่เสมอ เช่นสวนสนุกวอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ ที่ฟลอริดา จะมีเครื่องเล่นใหม่ที่เรียกว่า Mission : SPACE at Epcot ซึ่งจำลองบรรยากาศการนั่งยานอวกาศไปสำรวจดาวอังคารถัดไปจะมีรีสอร์ตแห่งใหม่คือ Pop Century Resort และในก็จะมีที่เที่ยวแห่งใหม่ในบริเวณสวนสนุกแห่งนี้ คือ Epedition Everest เป็นรถไฟเหาะความเร็วสูงที่สามารถวิ่งถอยหลังได้ด้วย



4. ดิสคัฟเวอรี โคฟ (Discovery Cove)



เพิ่งเปิดเมื่อปี 2543 ตั้งอยู่ที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา เป็นสวนสนุกแบบสวนน้ำขนาดย่อมที่มีระบบวางผังและการจัดการดีเยี่ยม จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้าได้รอบละ 1,000 คนเท่านั้น ที่นี่จึงไม่ต้องมีการเข้าคิวเป็นแถวยาวเพื่อรอเล่นเครื่องเล่น บริการก็ทั่วถึงนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะเมื่อเข้ามาภายในบริเวณแล้ว นักท่องเที่ยวแต่ละคนจะมีไกด์นำชม สวนน้ำแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีเวิลด์ (SeaWorld) ประกอบด้วยทะเลสาบน้ำจืด ชายหาด แนวประการัง ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงสามารถว่ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งภายในบริเวณ สวนสนุก หรือจะนั่งเรือไปก็ได้ ที่นี่ให้ทั้งความบันเทิงและความรู้ ไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวมุ่งจะมาทำคือการได้ว่ายน้ำเคียงข้างไปกับปลาโลมาแสน รู้ นอกจากนี้ยังมีทัวร์ดำน้ำอีกด้วย ราคาแพ็กเกจทัวร์เริ่มที่ 229 ดอลลาร์



3. ซีดาร์ พ้อยท์ (Cedar Point)



อยู่ที่เมืองแซนดัสกี้ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกาเช่นกัน เน้นเครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะเป็นพิเศษสำหรับคนที่คลั่งไคล้ความรู้สึกขยัก ขย้อนในกระเพาะเวลาที่เคลื่อนตัวเลื่อนไหลวูบวาบไปตามรางรถ ซีดาร์ พ้อยท์มีเครื่องเล่นถึง 68 ชนิด และรถไฟเหาะอีก 16 ชนิด เรียกว่ามีมากกว่าสวนสนุกอื่นใดในโลกใบนี้ เครื่องเล่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในฤดูร้อนนี้คือ Top Thrill Dragster ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเครื่องเล่นแนวรถไฟเหาะที่สูงที่สุดและเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงสุดในโลก นั่นหมายถึงเมื่อรถเคลื่อนถึงยอดสูงสุดนั้น คือเหนือพื้นดิน 420 ฟุต และความเร็วสูงสุดคือ 120 ไมล์ต่อชั่วโมง มีทั้งการเคลื่อนตัวแบบตกดิ่งลงจากเบื้องสูง และหมุนม้วนแบบควงแต่ผู้ที่ชอบความบันเทิงแบบนุ่มนวลก็มีที่ให้เข้าไปหย่อน ใจ คือสวนสนุกตัวการ์ตูนในชุด "พีนัทส์" (Peanuts) หรือที่รู้จักกันดีในนามสนู้ปปี้และเพื่อนพ้อง นอกจากนี้ยังมีสวนน้ำ Soak City สำหรับคนที่ไม่กลัวน้ำ และสวนสนุกประลองความเร็ว Challenge Park ที่มีสนามแข่งโกคาร์ท สนามกอล์ฟเล็กและเครื่องเล่น RipCord ที่ผสานความตื่นเต้นของการดิ่งพสุธาและการเล่นเครื่องร่อนเข้าไว้ด้วยกัน ช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดของที่นี่คือ เดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ซีดาร์ พ้อยท์ เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2413 ราคาตั๋ว 43.95 ดอลลาร์



2. บุช การ์เด้น (Busch Garden)



เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2502 ตั้งอยู่ในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีอีกแห่งที่เมืองวิลเลียมสเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย (เปิดปี 2518) จุดเด่นคือความเป็นสวนสนุกที่ผนวกสวนสัตว์เข้าไว้ด้วย บรรยากาศจึงเน้นความเป็นธรรมชาติ รถไฟเหาะมีทั้งแบบดั้งเดิมที่เรียกเสียงกรี๊ดพอเบาะๆ และแบบใหม่ที่เพิ่มความหวาดเสียวมากขึ้น สวนสนุก บุช การ์เด้น ที่เมืองแทมปา มีเครื่องเล่น 29 ชนิด เน้นบรรยากาศแบบแอฟริกา มีพื้นที่จำลองป่าโปร่งที่นักท่องเที่ยวสามารถชมชีวิตความเป็นอยู่ของช้าง แรด ม้าลายและกวาง ที่หากินโดยอิสระอยู่ในพื้นที่กว่า 29 เอเคอร์ แหล่งดึงดูดใจใหม่ล่าสุดของสวนสนุกทั้งสองแห่งคือ บ้านผีสิง 4 มิติ (Haunted Lighthouse 4D theater) ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ 3 มิติ ที่มีเอฟเฟกต์พิเศษเพิ่มความสมจริงขึ้นมาอีกมิติ เช่น ลมระเบิดและฝอยน้ำ ที่ฉีดพวยพุ่งออกมาจากเก้าอี้นั่งของผู้ชมทุกๆ ที่นั่งที่วิลเลียมสเบิร์กจะเด่นที่เครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะ และหมู่บ้านวัฒนธรรม โดยจะแบ่งพื้นที่สวนสนุกเป็นหมู่บ้านยุโรปจำลอง 9 หมู่บ้านเพื่อแสดงภาพวัฒนธรรมพื้นเมืองของอังกฤษ สกอตแลนด์ เยอรมนี และอิตาลีรวมจำนานเครื่องเล่นของที่นี่ก็ประมาณ 50 อย่าง ค่าตั๋ววันสำหรับผู้ใหญ่ 46.99 ดอลลาร์ ตั๋วเด็ก 39.99 ดอลลาร์ ส่วนบุช การ์เด้นท์ที่เมืองแทมปา ค่าตั๋ววันสำหรับผู้ใหญ่ 51.95 ดอลลาร์ เด็ก 3-9 ขวบ 42.95 ดอลลาร์



และ1. อัลตั้น ทาวเวอร์ (Alton Towers)



สวนสนุกแห่งนี้อยู่ในประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ในเมือง Staffordshire ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง เครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะทั้งหลายของอัลตั้น ทาวเวอร์ เป็นแม่เหล็กดึงดูดใจทั้งผู้ที่ไปเที่ยวแบบครอบครัวและผู้ที่แสวงหาความมันบนความระทึกใจโดยเฉพาะสองเครื่องเล่นใหม่ของที่นี่คือ บ้านผีสิงและลานเล่นลูกยางสำหรับเด็กเล็ก ส่วนผู้ที่ชอบความหวาดเสียวบนที่สูงก็ต้องไปลองเครื่องเล่นที่มีชื่อว่า Black Hole, Submission และ Ripsaw

นอกจากเครื่องเล่นแล้ว ภายในบริเวณอัลตั้น ทาวเวอร์ยังมีโรงแรม 2 แห่ง และภายในโรงแรม 1 ใน 2 แห่งนี้ยังมีสวนสนุกแบบสวนน้ำสไตล์แคริบเบียนในร่มอีกด้วยนับเบ็ดเสร็จจำนวนเครื่องเล่นของที่นี่มี 30 อย่างด้วยกัน แต่ละฤดูกาลจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2.5 ล้านคน และเดือนกรกฎาคมของแต่ละปีคือช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเนืองแน่นที่สุด อัลตั้น ทาวเวอร์ เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2523 ค่าเข้าชมสำหรับผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไป 26 ปอนด์ 4-11 ขวบ 21 ปอนด์ และต่ำกว่า 4 ขวบเข้าฟรี




ที่มา seedang.com/stories

No comments:

Post a Comment