Wednesday, September 16, 2009

10 อันดับเมืองที่มีตึกระฟ้า ได้คะแนนสูงสุดของโลก จาก emporis

หลังจากที่เคยนำ 10 อันดับเมืองที่มีตึกระฟ้า เยอะที่สุดในเอเชีย มาให้ชมกันไปแล้ว ซึ่งการจัดอันดับไม่เหมือนกับเว็บที่นำมาในครั้งนี้ โดยเกณฑ์การให้คะแนน จะให้ เป็นแต้ม ตามจำนวนชั้นของตึกๆ ดังนี้

Points per Building

12..19 floors = 1 point (จำนวน 12 - 19 ชั้น / ความสูงตั้งแต่ 40 - 66 เมตรโดยประมาณ )
20..29 floors = 5 points
30..39 floors = 25 points
40..49 floors = 50 points
50..59 floors = 100 points
60..69 floors = 200 points
70..79 floors = 300 points
80..89 floors = 400 points
90..99 floors = 500 points
100+ floors = 600 points (จำนวน 100 ชั้น / ความสูงประมาณ 350 เมตรขึ้นไป )

หมายเหตุ

- แจ้งให้เพื่อนๆ ทราบนะคับ ว่า โดยทั่วไป ตึก 1 ชั้นตามมาตรฐานจะมีความสูงจากพื้นถึงเพดานประมาณ 3.5 เมตร
- ทั้งหมดจากสถิติในฐานข้อมูลเว็บไซต์นี้และแสดงเสร็จเฉพาะอาคารสูงที่กำหนดขึ้นตามมาตรฐานคณะกรรมการ Emporis (ESC).
- การคำนวณนี้ไม่รวมถึงเสาโทรทัศน์ masts สะพานหรือโครงสร้างอื่นๆ.
- จากเวปไซต์ http://www.emporis.com

มาดูกันเลยครับ


อันดับ 10 Guangzhou , China



ประชากร 6,560,500 คน
พื้นที่ 7,434 km/2
จำนวนตึก 501 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 10,984



อันดับ 9 Bangkok , Thailand



ประชากร 7,587,882 คน ในเขตเมือง * ทั้งเมือง 11 ล้านคน
พื้นที่ 1,569 km / 2
จำนวนตึก 779 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 12,733



อันดับ 8 Tokyo , JAPAN



ประชากร 8,653,000 คนในเขตเมือง * ทั้งเมือง 35 ,200 ,000 คน
พื้นที่ 621 km / 2
จำนวนตึก 2,689 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 13,282



อันดับ 7 Shanghai , China



ประชากร 9,145,711 คนในเขตเมือง * ทั้งเมือง 13, 053 ,754 คน
พื้นที่ 6,639 km / 2
จำนวนตึก 982 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 14,681



อันดับ 6 Seoul, South Korea



ประชากร 10,331,244 คน ในเขตเมือง * ทั้งเมือง 20, 982 ,273 คน
พื้นที่ 616 km / 2
จำนวนตึก 2,875 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 16,805



อันดับ 5 Sao Paulo, Brazil



ประชากร 10,990,249 คนในเขตเมือง * ทั้งเมือง 20 ล้านคน
พื้นที่ 1,523 km / 2
จำนวนตึก 5,644 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 16,811



อันดับ 4 Chicago , USA



ประชากร 2,853,114 คน ในเขตเมือง * ทั้งเมือง 7 ,357 ,430 คน
พื้นที่ 589 km/ 2
จำนวนตึก 1,101 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 17,096



อันดับ 3 Singapore



ประชากร 4,351,400
พื้นที่ 685 km / 2
จำนวนตึก 4,335 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 17,337



อันดับ 2 New York , USA



ประชากร 8,363,710 คน ในเขตเมือง - ทั้งเมือง 22, 103 ,232 คน
พื้นที่ 800 km/2
จำนวนตึก 5,769 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 37,956



อันดับ 1 Hong Kong , China



ประชากร 6,943,600
พื้นที่ 1,053 km / 2
จำนวนตึก 7,651 ตึก
คะแนนที่ได้รับ 126,515




เครดิต - คุณ thepowermancity / ห้องหว้ากอ พันทิป.คอม

Saturday, September 12, 2009

10 อันดับ สุดยอดฆาตกรโหดของโลก

มารู้จักกับ 10 อันดับของสุดยอดฆาตกรที่ได้ชื่อว่าโหดของโลกกัน ซึ่งเป็นการจัดอันดับฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนให้มากที่สุดในโลก


อันดับ 10 แกรี ลีออง ริดจ์เวย์ (Gary Ridgeway 1949-?? )



แกรี ลีออง ริดจ์เวย์ ช่างทาสีรถบรรทุกเมืองซิแอตเทิลและทาโคน่า รัฐวอชิงตัน วัย 54 ปี ฆาตกรโรคจิตเจ้าของฉายา “นักฆ่าลุ่มแม่น้ำเขียว”
ยอมรับว่าสังหารสตรี ทั้งหมด 48 คน (ปัจจุบันพบ 50 ศพแล้ว) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโสเภณี ซึ่งตำรวจเชื่อว่าน่าจะสังหารมากกว่านั้น) โดยสังหาร
ระหว่างปี 2525 จนกระทั่งถูกจับกุมในปี 2544 จากการตรวจสอบดีเอ็นเอ และตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ปัจจุบันยังมีชีวิตสุขสบายดีในคุก



อันดับ 9 อันเดร ชิกาทิโล( Andrei Chikatilo. 1936 - 1994)



เป็นฆาตกรที่มีชื่อเสียงของรัสเซียฆ่าคนไป 53 ศพ เหยื่อมีทั้งผู้หญิงและเด็ก แถมฆ่าแล้วกินศพอีกด้วย โดยเริ่มไล่ล่าฆ่าคนตั้งแต่ปี 1978 ถึง
1992 โดยปกติเหยื่อของเขาจะเป็นผู้คนไม่มีบ้าน หรือผู้ซึ่งพักรอบๆทาง ซึ่งบางรายถูกควักตาในขณะที่ยังมีชีวิต ถูกกัดหัวนม บางรายถูกผ่า
ท้องในขณะที่เป็นๆ และมีอวัยวะบางส่วนถูกกินอย่างสยดสยอง ก่อนจะถูกจับได้ในปี 1992 ต่อมา และถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า เมื่อ
วันที่ 14กุมภาพันธ์1994



อันดับ 8 บรูโน ลุค (Bruno Ludke. 1908 - 1944)



เกิดที่เยอรมัน เริ่มฆ่าคนเมื่ออายุ 18 ปี ค.ศ. 1927 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสังหารผู้หญิงไปถึง 85 ศพ โดยส่วนใหญ่สภาพศพส่วนใหญ่
ถูกข่มขืนและถูกแทงหลายแผล หลังสงครามโลก 2 วันที่ 29 มกราคม 1943 บรูโนก็ถูกตำรวจจับ จนกระทั่งบรูโนจบชีวิต หลังจากถูกนำตัวไป
ทดลองโดยการฉีดยา โดยคณะแพทย์ที่โรงพยาบาลเพราะต้องการศึกษาว่าทำไมเขาถึงเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่โหดแบบนี้



อันดับ 7 จาเว็ด อิคบอล (Javed Iqbal ??-2000)



ปี 1999 แคว้นปัญจาบ ปากีสถาน ชายคนหนึ่งชื่อ จาเว็ด อิคบอล ชาวปากีสถาน อาชีพรับจ้างทั่วไป ทำการฆ่าเด็กชายถึง100 ศพ! โดยใช้
เวลาแค่ 5 เดือน! โดยทุกรายจะลงมือข่มขืน รัดคอ จากนั้นก็สับร่างกายของเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ และโยน ลงในหม้อที่มีกรดเพื่อทำลาย
หลัก ฐาน จนกระทั่งจาเว็ดเกิดนึกเบื่อเขาเลยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเขาในจดหมายให้ หนังสือพิมพ์ในเมืองจนถูกตำรวจจับในที่สุด ผลสุดท้าย
ก็ถูกประหารตามกฎของปากีสสถานคือฆ่าเหยื่อตายยังไงก็ต้องถูกประหารแบบนั้น



อันดับ 6 เฮนรี่ ลู ลูกัส (Henry Lee Lucas. 1936 -2001)



เฮนรี่ ลู ลูกัสฆาตกรต่อเนื่องที่ตาบอดข้างหนึ่งในอเมริการ่วมมือกับออตติส เอลวูด ช่วยกันสังหารคนที่โบกรถตามทางหลวงของเท็กซัส ฟลอริดา
ตั้งแต่ปีและ ทั่วประเทศในอเมริกา 1966 ซึ่งเขาอ้างว่าสังหารคนกว่า 3,000 ชีวิต แต่หลังจากการตรวจสอบพบว่า เขาฆ่าเพียง 210 ศพเท่านั้น โดย
หนึ่งจำนวน นี้มีทั้งแม่และครูประจำชั้นของลูกัสรวมอยู่ด้วย ลูกัสใช้ชีวิตอยู่ในแดนประหารนานถึง15 ปี จนกระทั่งตายในคุกตามธรรมชาติเมื่อปี2001



อันดับ 5 เอซ เอซ โฮล์ม (H.H. Holmes. 1861 - 1896)



ชื่อ จริง เฮอร์แมน เว็บสเตอร์ มัดเกทท์เป็นนักธุรกิจ หมอ นักต้มตุ๋น สังหารสตรีไป 200 ศพ (แต่สารภาพเพียง 27 ราย) โดยอุตสาห์ลงทุนสร้าง
โรงแรมที่ชิคาโก บนหัวมุมถนนบล๊อกที่ 63 สหรัฐอเมริกา เพื่อฆ่าคนโดยเฉพาะ โรงแรมเสร็จสมบูรณ์ในปี 1892 และแขกส่วนมากจะถูกฆ่า
ด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ เช่น ราดน้ำกรด หั่นศพ รมแก๊ซ ฯลฯ แต่ผลสุดท้ายเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดเพียงค่าคนเพียงคดีเดียว และโฮมส์ถูก
แขวนคอเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1897 ซึ่งเขาไม่ได้ตายทันที เขากระตุกอยู่ถึง 10 นาที ก่อนจะตายสนิทในอีก 5 นาทีให้หลัง



อันดับ 4 เปโดร อลองโซ โลเปซ (Pedro Alonso Lopez . 1949-??)



เจ้าของฉายา “อสูรกายแห่งเทือกเขาแอนดีส” ได้รับบันทึกว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมากที่สุดในยุคปัจจุบัน
โดย ทำสถิติฆ่าเหยื่อไปแล้วทั้งหมดแบบคร่าวๆ คือ300 ศพ โดย 100 ศพเป็นผู้หญิงเผ่าอินเดียแดง เกือบทั้งหมดถูกข่มขืนอย่างรุงแรงก่อนที่จะ
รัดคอหรือบีบคอตาย โดยในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 ต่อต้นทศวรรษที่ 80 เปโดรเดินสายฆ่าคนเป็นว่าเล่นถึงสามประเทศคือ เปรู โคลัมเบีย และ
เอกวาดอร์ ก่อนที่จะถูกจับในขณะเขากำลังฆ่าพอดี ก่อนที่จะสารภาพว่าฆ่าเหยื่อกว่า 300 ซึ่งตำรวจได้เพียงแต่เชื่อเขาเท่านั้นเพราะช่วงนั้นเกิด
น้ำท่วมใหญ่ในอเมริกาใต้ทำให้หลักฐานที่เขาทำไว้หายหมด ผลสุดท้ายถูกปล่อยโดยรัฐบาลเอกวาดอร์และเนรเทศกลับไปดำเนินคดีต่อที่
โคลัมเบียในปี 1998



อันดับ 3 กิลส์ เดอ เรยส์ (Gilles de Rais, 1404-1440)



อดีต คนสนิทของ แจนน์ ดาร์ค (โจน ออฟ อาร์ค) วีรสตรีซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศส หลังจากแจนน์ ดาร์คก็ถูกทหารฝ่ายศัตรูจับ และถูกเผา
ทั้งเป็นในฐานะแม่มดเมื่อปี 1431 กิลส์ก็เริ่มบ้า และเชื่อว่าเลือดคนสามารถเล่นแร่แปรธาตุเป็นทองคำได้ ทำให้เขาริเริ่มทำการรวบรวมเด็กชาย
จากที่ต่างๆมาเพื่อเป็นเครื่อง สังเวยให้กับปีศาจโดยเด็กบางคนถูกผ่าท้องแล้วทึ้งไส้ออกมา บ่อยครั้งที่กิลส์ข่มขืนศพของเด็กที่เสียชีวิตแล้ว
เขาสะสมศีรษะของเด็กหนุ่มจำนวนมาก และศีรษะที่หน้าตาดีจะถูกเรียงไว้เหนือเตาผิงเหมือนเป็นคอลเลคชั่นพิเศษ มีการพบศพของเด็กจำ
นวนกว่า 150 ศพ (ส่วนใหญ่ไม่มีศีรษะ) ในปราสาท แต่พูดกันว่าเหยื่อของเขาน่าจะมีมากกว่า 1500 ราย(อันนี้เกินไปหน่อย) และผลสุดท้าย
กิลส์ ถูกตัดสินให้ประหารโดยการแขวนคอในวันที่ 26 ตุลาคม 1440 และศพถูกลงโทษโดยการเผา



อันดับ 2 เอลิซาเบธ บาโธรี่ (Erzsabet Bathory. 1560 - 1614)



เป็น ผู้หญิงที่ฆ่าคนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยจำนวนเหยื่อเป็นสาวพรหมจารี 605 ศพ!! เป็นถึงเชื้อพระวงค์ชั้นสูง ฮังการี ในยุโรป มีอำนาจ
ล้นหลาม ฆ่าคนจำนวนมากเพราะเชื่อว่าเลือดของเด็กสาวเป็นยาอายุวัฒนะชะลอความแก่ได้ โดยเอริซาเบทจะรวบรวมเด็กสาวจากที่ต่างๆใน
ดินแดนของตน กว่า 600 ราย จากนั้นก็ฆ่าและรีดเลือดจากศพเด็กสาวเพื่อมาใช้อาบตัวแทนน้ำ ส่วนศพก็ไปฝังในปราสาท โดยวิธีการรีดเลือด
ส่วน ใหญ่มักมีอุปกรณ์ทรมานมาใช้ประกอบ เช่น ใช้เหล็กร้อนเผาลำคอ ใช้เครื่องทรมานบีบหน้าอก บางครั้งเธอก็ใช้มือทั้งสองของตัวเองล้วงเข้า
ไป ในปากและฉีกร่างของเหยื่อออกเป็นสองซีก บางครั้งก็ให้ทหารกรูกันเข้ามาลงแขก แล้วแทงด้วยมีดที่กลางอก บ้างก็ถูกตัดหัว บ้างก็ถูกตัดแขน
ตัดขาและเสียเลือดมากจนสิ้นลม

มกราคม ปี 1611 เอริซาเบทถูกตัดสินให้ถูกจำคุกตลอดชีวิต ส่วนผู้ร่วมสังหารทุกคนต่างก็ถูกตัดสินโทษเผาทั้งเป็น เธอเสียชีวิตในอีก 3 ปีให้หลัง
และมีบางตำนานกล่าวว่าเธอหนีออกไปได้และกลายเป็นผีร้ายอยู่ในป่าของฮังการี


และฆาตกรที่ฆ่าคนมากที่สุดของโลกอันดับ1 คือ..

อันดับ 1 หลุยส์ อัลเบอร์โต้ การาวิโต้ (Luis Alfredo Garavito.1957-??)



หลุยส์ อัลเบอร์โต้ การาวิโต้ (บางชื่อเป็น ลูอิส อัลเฟรโด้ การาวิโต้ ) ถือกำเนิดขึ้นมาในเขตควินดิโอของประเทศโคลัมเบีย เมื่อวันที่ 25 มค. 1957
เจ้าของฉายา “อสูรกายแห่งไร่อ้อย” จากปากคำเขาสารภาพว่าลงมือสังหารเหยื่อมากมายถึง 1,800 ราย!! (1982-1999) โดยส่วนมากล้วนเป็นเด็ก
ชายที่มีอายุ 6 ขวบ ถึง 15 ปีทั้งสิ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นจำนวนมหาศาลมากจนไม่คิดว่าจะมีใครในโลกที่ฆ่าคนโดยลงมือคนเดียวได้ขนาดนี้

แต่กระนั้นการตามรอยหาศพของฆาตกรคนนี้ลงมือไว้ สามารถตามเก็บเพียง 157 ศพเท่านั้น ซึ่งเขาสารภาพว่าเขาชอบทรมานเหยื่อก่อนฆ่า มีหลาย
ครั้ง ที่เขาชอบเอามีดแทงเหยื่อก่อนที่จะข่มขืนอย่างเมามัน จากนั้นก็ทิ้งศพที่ไร่อ้อย ซึ่งทั้งนี้ที่เขาสามารถฆ่าคนได้เป็นจำนวนมากๆ ได้ ก็เนื่องมา
จากประเทศโคลัมเบียค่อนข้างเป็นประเทศที่กฎหมายค่อนข้างล้าหลัง และสงครามกลางเมืองในประเทศทำให้หลายคนชาชินกับการตายของคนอื่น

ปัจจุบัน หลุยส์ อัลเบอร์โต้ ถูกตัดสินจำคุกถึง 2,400 ปี แต่กระนั้นเขาก็ยืนยันว่าถ้าออกจากคุกเขาก็จะฆ่าคนอยู่ดี



ที่มา - อินเตอร์เน็ต

Friday, September 11, 2009

10 ดอกไม้ที่อันตรายที่สุดในโลก

อันดับ 10 Narcissus



ดอกนาร์ซิสซัสนี้ ว่ากันว่า มีพิษร้ายแรงมากมาย
มีหลายคนที่สับสนแยกไม่ออกระหว่างดอกไม้นี้กับหัวหอม
แต่ถ้ากินเข้าไปแล้วล่ะก็ เจอดีแน่
ทั้งอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วงอย่างแรง



อันดับ 9 Rhododendron



เราก็ไม่แน่ใจชื่อภาษาไทยของมันเหมือนกัน
เพราะงั้น เราใช้ชื่อเต็มของมันดีกว่า เกิดอ่านผิดจะแย่ทีเดียว
ต้นไม้นี้มีดอกที่สวย รูปทรงเหมือนกระดิ่ง และจะงอกงามมากในฤดูใบไม้ผลิ
แต่ว่าใบของมันมีพิษร้ายเช่นเดียวกับน้ำหวาน
ถ้าเผลอกินเข้าไป อาจทำให้ริมฝีปากไหม้ได้
จากนั้นก็จะคลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว
ถ้าหากว่าเผลอกินเข้าไป ให้รีบดื่มน้ำตามมากๆ จะช่วยได้



อันดับ 8 Ficus



ไฟคัส ต้นไม้เล็กๆ ที่มีใบเล็ก และมียางที่มีพิษเหลือร้าย
มันสามารถเติบโตได้หลากหลายที่ แม้แต่ในหม้อเก่าๆก็โตได้
ถ้าหากว่ายางของมันโดนผิวเข้าล่ะก็ จะเจ็บปวดมากทีเดียว
และต้องไปหาหมอเพื่อขอยาทาแก้ปวดแสบปวดร้อน



อันดับ 7 Oleander



ทุกส่วนของต้นไม้นี้เป็นพิษหมด
แค่เผลอสูดควันที่เราเผามันเข้าไป ก็เจออันตรายแล้ว
ถ้าเผลอกินเข้าไปล่ะก็ จะเป็นอันตรายต่อหัวใจและระดับโพแทสเซียมในร่างกายได้



อันดับ 6 Chrysanthemum



โอ้! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ดอกเบญจมาศจะติดอันดับกับเขาด้วย
แต่ว่าดอไม้นี้มีมากกว่า 200 ชนิดในสปีชี่ส์เดียว
เพราะงั้นก็ไม่แปลกที่บางชนิดจะมีพิษร้าย
ถ้าอยากรู้ว่าดอกเบญจมาศชนิดไหนมีพิษ
เค้าว่าให้ดูที่กระต่าย เพราะมันจะไม่กล้าเข้ามากิน
แต่ถ้าโดนเข้าไป อาจจะทำให้ผิวหนังไหม้ และต้องหายาทา



อันดับ 5 Anthurium



ถ้าหากว่า เผลอแตะโดนบริเวณไหนของผิวหนังล่ะก็ เสร็จแน่
ดอกไม้นี้ จะทำให้ร่างกายของคุณไหม้
ยิ่งถ้าโดนปากนี่ แย่ที่สุดเลย
หรือถ้ากินเข้าไปนี่ จะทำให้เสียงแหบเสียงแห้ง พูดไม่ได้ยินไปสักพักเลยล่ะ



อันดับ 4 Lily-of-the-valley



ว้าว! ชื่อเพราะจังเลย ดอกลิลลี่แห่งหุบเขาเนี่ย
แต่ติดอันดับสี่ได้ เชื่อว่าต้องอันตรายแน่ๆ
เค้าว่า ถ้ากินเข้าไปแล้ว หัวใจจะเต้นแรง คลื่นไส้ อาเจียน
บางคนที่กินมากๆ อาจจะเจอล้างท้องได้นะ



อันดับ 3 Hydrangea



อะไรกัน ไฮเดรนเยียออกจะสวยเนอะ
แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า จะมีอันตรายด้วย
มันสวยก็จริง แต่ถ้ากินเข้าไปล่ะก็
จะเนื้อตัวเย็นเฉียบ ครั่นเนื้อครั่นตัว คลื่นไส้ อยากจะอาเจียน
บางคน อาจจะเกิดอาการช็อคได้เลยด้วยซ้ำไป
เพราะงั้น ดูแต่ตา มืออย่าต้อง นะจ๊ะ



อันดับ 2 Foxglove



ถุงมือหมาจิ้งจอก?
ดอกไม้สูงแค่สามฟุต สีสวยงามนี่แหละ อันตรายดีทีเดียว
แน่นอนว่า จะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องมาก
และปากไหม้ด้วย ถ้ากินเข้าไปนะ
บางคนก็จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ
ว่ากันว่า มันฆ่ากระต่ายได้เลยล่ะ



อันดับ 1 Wisteria



ชื่อต้นไม้นี้ แปลกทีเดียวเชียว
แต่ก็นั่นแหละ เค้าบอกว่า ถ้าเผลอกินเข้าไปเมื่อไหร่
ท้องร่วง ท้องเสีย อาเจียน ปวดหัว เป็นไข้ วิงเวียนแน่
และถ้าไปโรงพยาบาลไม่ทัน อาจจะช็อคแหงแก๋ได้เหมือน




บทความจาก : Devstore.in.th

Wednesday, September 9, 2009

10 อันดับ เมืองไม่น่าอยู่ที่สุดในโลก

หลังจากที่เคยแนะนำ 10 อันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดทั้งในเอเชีย และ 10 อันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกไปแล้ว คราวนี้ขอแนะนำ 10 อันดับเมืองที่ไม่น่าอยู่ที่สุดในโลกกันบ้าง ไปดูกันเลยว่ามีเมืองไหนบ้าง


อันดับ 10 เมืองปอร์โตแปรงซ์ สาธารณรัฐเฮติ



ปอร์โตแปรงซ์ เป็นเมืองหลวงของประเทศเฮติ มีประชากรอาศัยอยู่ราว 2.5-3 ล้านคน ในจำนวนนี้มีไม่น้อยที่อยู่กันอย่างแออัดในพื้นที่สลัม แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของที่นี่จะยังไม่ค่อยสงบนัก แต่ปอร์โตแปรงซ์ ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเยี่ยมเยือนเป็นระยะๆ

หมายเหตุ - สาธารณรัฐเฮติ เป็นประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาเหนือ ตั้งอยู่บนเกาะฮิสปันโยลาในทะเลแคริบเบียน และเป็นชาติที่ยากจนที่สุดในซีกโลกตะวันตก



อันดับ 9 เมืองกินชาซ่า สาธารณรัประชาธิปไตคองโก



กินชาซ่า เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มีประชากรอาศัยอยู่ราว 8 ล้านคน เมื่อปีค.ศ. 2004 กินชาซ่า ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองอันตรายที่สุดในแอฟริกา เนื่องจากหลังสิ้นสุดสงครามคองโกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 2003 (สงครามเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1998-2003) อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน ประชาชนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองกินชาซ่า มีอัตราการเกิดคดีอาชญากรรมสูงมาก คิดเป็นอัตราส่วนอาชญากร 112.3 คน ต่อประชากร 100,000 คน เลยทีเดียว

หมายเหตุ - คองโก เป็นชื่อดินแดนของสองประเทศในแอฟริกากลาง โดยมีแม่น้ำคองโกไหลผ่าน สองประเทศที่ว่านี้ก็คือ สาธารณรัฐคองโก (Republic of the Congo, ROC) และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (Democratic Republic of the Congo, DRC) - วิกิพีเดีย



อันดับ 8 เมืองนูแอกช็อต สาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย



นูแอกช็อต เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมอริเตเนีย ตั้งอยู่บนฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เดิมทีเป็นเมืองเล็กๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำประมง แต่หลังจากปี ค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493)เป็นต้นมา เมืองดังกล่าวก็เริ่มแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว และมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน นูแอกช็อต มีประชาชนอาศัยอยู่เกือบ 9 แสนคน และในจำนวนนี้ มีไม่น้อยที่อพยพเข้ามาเพื่อหนีปัญหาความแห้งแล้ง

หมายเหตุ - มอริเตเนีย เป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ มีพรมแดนติดชายฝั่งบนมหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติด ประเทศเซเนกัล ทิศตะวันออกติดประเทศมาลี ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดประเทศแอลจีเรีย ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดเวสเทิร์นสะฮารา - วิกิพีเดีย



อันดับ 7 เมือง Pointe Noire สาธารณรัฐ คองโก



Pointe Noire เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศคองโก ตั้งอยู่ท่ามกลางบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในแอฟริกากลาง เมืองนี้มีสถิตินักท่องเที่ยวโดนทำร้ายและปล้นทรัพย์บ่อยครั้ง จนทางการต้องประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังโดนทำร้ายร่างกายเพื่อแย่งชิงรถและไม่ให้ออกมาเดินตามท้องถนนในยามค่ำคืนอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าไปยังเมืองนี้ก็คือ ชายหาดสวยๆ และเหมาะแก่การเล่นเซิร์ฟหลายแห่งนั่นเอง

หมายเหตุ - สาธารณรัฐ คองโก (Republic of the Congo: ROC) หรือ คองโก-บราซซาวิล เป็นคนละประเทศกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มีอาณาเขตจรดประเทศกาบอง แคเมอรูน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แองโกลา และอ่าวกินี - วิกิพีเดีย




อันดับ 6 เมืองซานา สาธารณรัฐเยเมน



ซานา เป็นเมืองหลวงของประเทศเยเมน มีประชากรอาศัยอยู่ราว 2 ล้านคนนอกจากตึกระฟ้าและอาคารบ้านเรือนที่ทันสมัยแล้ว เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยโบราณสถานและสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่มากมาย องค์การยูเนสโกจึงประกาศให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) แต่หลังเกิดเหตุการณ์ทำร้ายชาวต่างชาติ และระเบิดสถานทูตสหรัฐ เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในเมืองซานาน้อยมาก

หมายเหตุ - สาธารณรัฐ เยเมนตั้งอยู่ในคาบสมุทรอาหรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และเป็นส่วนหนึ่งของตะวันออกกลาง มีชายฝั่งจรดทะเลอาหรับและอ่าวเอเดนทางด้านทิศใต้ จรดทะเลแดงทางทิศตะวันตก มีพรมแดนทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับโอมาน ส่วนพรมแดนด้านอื่น ๆ ติดกับซาอุดีอาระเบีย - วิกิพีเดีย



อันดับ 5 เมืองคาร์ทูม สาธารณรัฐซูดาน



คาร์ทูม เป็นเมืองหลวงของรัฐคาร์ทูมและประเทศซูดาน ตั้งอยู่บริเวณที่มีการบรรจบกันของแม่น้ำไวท์ไนล์ ซึ่งไหลมาจากทะเลสาบวิกตอเรีย และแม่น้ำบลูไนล์ที่ไหลมาจากประเทศเอธิโอเปีย ตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2,207,794 คน ปัจจุบัน ซูดานยังคงมีปัญหาความไม่สงบและมีการสู้รบกันภายในประเทศ เป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก

หมายเหตุ - ซูดาน เป็นประเทศที่มีพื้นที่มากที่สุดในทวีปแอฟริกา และมีพื้นที่มากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป มีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับประเทศอียิปต์ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดทะเลแดง ทิศตะวันออกติดกับเอริเทรียและเอธิโอเปีย ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับเคนยาและยูกันดา ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับคองโกและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทิศตะวันตกติดกับประเทศชาด และทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับลิเบีย ปัจจุบันซูดานกลายเป็นประเทศที่ขาดความมั่นคงตามดัชนีความเสี่ยงของการเป็น รัฐที่ล้มเหลว เพราะปกครองแบบเผด็จการทหารและมีการก่อสงครามในเขตดาร์ฟูร์ - วิกิพีเดีย



อันดับ 4 เมืองบราซซาวิล สาธารณรัฐคองโก



บราซซาวิล เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของ "สาธารณรัฐคองโก" มีประชากรอาศัยอยู่ราว 1 ล้านคน เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคองโก โดยมีกินชาซ่า เมืองหลวงของ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงกันข้ามบราซซาวิลถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) โดยนักสำรวจชาวยุโรปที่ชื่อ "ปิแอร์ เซเวอร์แกน เดอ บราซซา" อุตสาหกรรมหลักของเมืองนี้ คือ สิ่งทอ และการฟอกหนัง อย่างไรก็ตาม เมืองนี้มักเกิดปัญหาความขัดแย้งและมีเหตุการณ์นองเลือดบ่อยครั้ง นับตั้งแต่ยุคปี 90 เป็นต้นมา ทั้งความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐบาลและผู้ก่อการจราจล รวมถึงความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงเกิดการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อหนีภัยสงครามในที่สุด




อันดับ 3 เมืองเอ็นจาเมนา สาธารณรัฐชาด (Chad)



เมืองเอ็นจาเมนา ถูกค้นพบโดยชาวฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) ปัจจุบัน เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศชาด มีประชากรอาศัยมากกว่า 700,000 คน อันที่จริงเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่ง น่าเสียดายที่มักเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและเกิดปัญหาการจราจลบ่อยครั้ง (เหตุการณ์นองเลือดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว) ทำให้คิดอันดับเมืองไม่น่าอยู่เป็นอันดับ 3 ของโลก

หมายเหตุ -สาธารณรัฐ ชาด เป็นประเทศในแอฟริกากลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทิศเหนือจรดประเทศลิเบีย ทิศตะวันออกจรดประเทศซูดาน ทิศใต้จดสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดประเทศแคเมอรูนและไนจีเรีย ส่วนทิศตะวันตกจรดประเทศไนเจอร์ - วิกิพีเดีย



อันดับ 2 เมืองบังกี สาธารณรัฐแอฟริกากลาง



เมืองบังกี เดิมเป็นที่ตั้งทางการทหารของประเทศฝรั่งเศส และเป็นศูนย์กลางการปกครองนับตั้งแต่ยุคโคโลเนียลจวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมืองนี้มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 5 แสนคน โดยมีอุตสาหกรรมหลัก คือ สิ่งทอ สบู่ และเบียร์ ที่สำคัญ โบราณสถานซึ่งมีอยู่มากมายทั้งในและรอบนอกเมืองบังกี ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก สาขาวัฒนธรรม จากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2006 สิ่งที่ทำให้บังกี-ติดอันดับรองแชมป์เมืองไม่น่าอยู่ที่สุดในโลกคือ เหตุการณ์ความไม่สงบและปัญหาความรุนแรงที่มักเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปีนั่นเอง

หมายเหตุ - สาธารณรัฐ แอฟริกากลาง เป็นประเทศในแอฟริกากลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทิศเหนือจรดประเทศชาด ทิศตะวันออกจรดประเทศซูดาน ทิศใต้จรดสาธารณรัฐคองโก และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ส่วนทิศตะวันตกจรดประเทศแคเมอรูน - วิกิพีเดีย



อันดับ 1 เมืองแบกแดด สาธารณรัฐอิรัก



แบกแดด เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอิรัก ทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาหรับ (รองจากไคโร) และใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ (รองจากกรุงเตหะราน) มีประชากรอาศัยในเขตเมืองมากกว่า 6.5 ล้านคน เมืองแบกแดด ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านวิทยาการและวัฒนธรรม เพราะได้รับมรดกด้าน ตัวเลข ตัวอักษร ดวงดาว โหราศาสตร์ และการแพทย์ มาจากรุ่นบรรพบุรุษที่ผ่านมามักเกิดสงครามและเหตุการณ์ไม่สงบบ่อยครั้งในเมืองแบกแดด (ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกรัฐสภาอิรัก เพิ่งถูกลอบยิงเสียชีวิต) แม้เหตุการณ์ต่างๆ จะเริ่มเบาบางลง แต่การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นระยะ จนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทำให้เมืองนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่อาศัยที่สุดในโลก จากผลการสำรวจของ Mercer

หมายเหตุ - อิรัก เป็นประเทศในแถบตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใหญ่ของเมโสโปเตเมีย มี พรมแดนร่วมกับซาอุดีอาระเบียและคูเวตทางด้านทิศใต้ ติดตุรกีทางด้านทิศเหนือ ติดกับซีเรียทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับจอร์แดนทางทิศตะวันตก และติดอิหร่านทางด้านทิศตะวันออก - วิกิพีเดีย




ที่มา - dek-d.com